“นี่แกยังไม่ตอบฉันเลยนะ ว่าแกทะเลาะอะไรกัน”
นั่งรอคำตอบจากเพื่อนสาวหน้าคมที่นั่งเงียบไม่พูดไม่จามาร่วมๆสิบนาทีได้
ตอนนี้พวกเธอกำลังนั่งเล่นกันภายในร้านกาแฟขึ้นชื่อในบริเวณมหาวิทยาลัย
เมื่อเช้าอาจารย์ประจำวิชาดันเลิกคลาสเร็วกว่าทุกทีจึงตกลงว่าจะมานั่งเล่นประกอบกับการที่เพื่อนในกลุ่มอยากแวะหาอะไรทานรองท้องด้วย
แต่ตั้งแต่เข้ามาภายในร้านก็มีอัตสึโกะนี่แหละที่เอาแต่เงียบผิดปกติ จนมิเนกิชิ
มินามิที่กำลังตักเค้กคำโตเข้าปากอดไม่ไหวที่จะเอ่ยถามออกมา
“ก็ไม่ได้ทะเลาะกันหรอกนะ มี่จัง”
มิเนกิชิ มินามิหรือมี่จัง
พยักหน้ารับก่อนจะส่งสัญญานเป็นเชิงให้อัตสึโกะที่กำลังนั่งคนแก้วโกโก้ในมือเล่าต่อ
“แล้ว?”
“แค่เลิกกันแล้วหน่ะ”
“เห้ย!”
ยิ้มบางๆเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตกใจของอีกฝ่าย มี่จังลุกขึ้นขอโทษขอโพยคนในร้านที่หันมามองพวกเธอเป็นสายตาเดียว
ก่อนจะหันมาซักไซ้ไม่หยุดให้เธอรู้สึกปวดหัว
อัตสึโกะรู้สึกโชคดีที่เธอไม่ต้องตอบคำถามอะไรมาก เมื่อสาวสวยผมทองที่ดูท่าว่าจะเป็นเจ้าแม่ด้านแฟชั่นนิสต้า
อย่างอิตาโนะ โทโมะมิเพื่อนสนิทอีกคนของเธอ เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน
“โทโมะจินแกรู้มั้ย ว่าอัตจังกับแฟนเลิกกันแล้ว”
“เอ๊ะ! จริงหรอ?”
“เลิกกันเพราะอะไรอะแก”
“ไม่มีอะไรมากหรอก”
“แล้วยู มันทำอะไรแกหรือป่าว”
“ป่าว ยูไม่ได้ทำอะไรฉันหรอก มีแต่ฉันนั่นแหละที่ทำเขา”
“เอ๋?”
“แค่ลงไม้ลงมือกันนิดหน่อย”
ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเสียเท่าไหร่สำหรับมี่จังและโทโมะจิน
ต้องบอกว่าพวกเธอชินแล้วมากกว่า
เท่าที่ได้ยินมาสองคนนี้ทะเลาะกันทีไรก็ลงไม้ลงมือกันตลอด จะดีหน่อยที่โอชิม่า ยู
แฟนของอัตสึโกะไม่เคยใช้กำลังเพื่อนของเธอ จะมีก็แต่เพื่อนของเธออย่างมาเอะดะ
อัตสึโกะนี่แหละมั้งที่เป็นฝ่ายลงไม้ลงมือตลอด
“โอเคนะ อัตจัง?”
“ไม่หรอกโทโมะ เลิกกันไปดี”
“แกพูดเหมือนแกไม่รักยูแล้วเลย”
“ไม่ใช่ไม่รัก รักซิ”
“………..”
“ก็ยังรักเหมือนเดิม”
“………..”
“แต่ฉันคิดว่าฉันทนความงี่เง่าของยูไม่ไหวแล้วหล่ะ”
ใช่พวกเธอรู้ดีว่าต้นเหตุที่ทำให้สองคนนี้ทะเลาะกันใหญ่โตก็คงเป็นเพราะความงี่เง่าของยูนี่แหละ
ที่นับวันยิ่งดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งอัตสึโกะเป็นฝ่ายไม่ยอมคน
จึงยิ่งทำให้สองคนนี้ทะเลาะกันรุนแรง
เป็นประจำที่ฝ่ายใดฝ่ายนึงต้องไปอาศัยนอนห้องเพื่อน แต่ก่อนพวกเธอมักจะถามเพื่อนสาวหน้าคมเป็นประจำว่าทำไมถึงไม่ยอมเลิกกันเสียที
ก็มักจะได้รับคำตอบเดิมๆทุกครั้งว่า ยังไหว แต่ดูจากที่เพื่อนเธอพูดครั้งนี้อัตสึโกะคงทนไม่ไหวจริงๆแล้วละมั้ง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ประตูถูกเปิดออกก่อนจะปรากฎห้องขนาดพอเหมาะที่ถูกตกแต่งไปด้วยโทนสีเข้ม ยูโยนรองเท้าผ้าใบทิ้งลวกๆ เขาขอปลีกตัวจากกลุ่มเพื่อนเพื่อกลับมางีบเอาแรงหลังจากที่เมื่อคืนเค้าแทบไม่ได้นอนเท่าไหร่ เพิ่งได้นอนจริงจังก็ตอนราวๆหกโมงกว่า แถมเมื่อเช้าเขายังออกไปเรียนสายเสียอีก ชายหนุ่มร่างเล็กสาวเท้าเข้าห้องนอนก่อนจะทิ้งตัวนอนบนเตียงขนาดคิงไซส์ที่ ไร้แววของผู้ร่วมห้องอีกคน ก็ดีเหมือนกัน เพราะเขาคงทำหน้าไม่ถูกถ้าต้องเจอหน้ากันในตอนนี้
พลางนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนที่เขาทะเลาะกับอัตสึโกะ ก็อดที่จะพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิดตัวเองเสียไม่ได้ เมื่อ คืนอัตสึโกะไลน์มาบอกเขาราวๆสองทุ่มว่าลืมคีย์การ์ดที่ใช้เข้าห้องให้เขาเอา มาให้เธอหน่อย ยูกะจะโทรเข้าสำนักงานหอแต่ก็นึกได้ว่ามันปิดตั้งแต่ช่วงเย็นแล้ว รู้สึกห่วงอีกคนจนต้องทิ้งงานโปรเจคที่เขากำลังประชุมกับเพื่อนเพื่อกลับมา ห้อง
แต่เขากลับไม่เห็นเงาของอัตสึโกะเลยแม้แต้น้อย โทรศัพท์ของเจ้าตัวก็ไม่มีสัญญาน ชายหนุ่มได้แต่รออีกคนในห้องอย่างกระวนกระวายด้วยความรู้สึกเป็นห่วง พยายามติดต่อเพื่อนของอัตสึโกะก็ติดต่อไม่ได้ ชายหนุ่มทิ้งตัวบนโซฟาใหญ่ในห้องนั่งเล่นด้วยความหงุดหงิด ยูจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านั่งรออีกคนนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เดินไปเปิดประตูก่อนจะเห็นสาวเจ้าเดินเข้าห้องพร้อมกับรอยยิ้มแหยๆ
“ยู…….”
“ไปไหนมา”
“พอดีมีธุระนิดหน่อย ขอโทษที่ไม่ได้บอก”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้โกรธ”
รู้สึกผิดมาก ยิ่งเห็นสีหน้าอีกคนยิ่งรู้สึกผิด ทั้งที่เธอเป็นคนบอกอีกฝ่ายตั้งแต่สองทุ่ม แต่เธอดันกลับผิดเวลาไปมากโข
อัตสึโกะไม่คิดว่าแฟนหนุ่มจะนอนรอเธออยู่ในสภาพที่หลับทั้งชุดนักศึกษาแบบนี้ หญิงสาวเงยหน้ามองนาฬิกาเรือนหรู
ก็เห็นตัวเลขที่บกบ่องเวลาเที่ยงคืนกว่า เท่ากับว่าเขานอนรอเธอแบบนี้มาสี่ชั่วโมงกว่าๆได้แล้วซินะ
“ฉันเป็นห่วง นึกว่าเธอเป็นอะไรไปแล้ว”
“อื้ม ขอโทษจริงๆ มีงานประชุมต่อเรื่องงานคณะหน่ะ ยุ่งมาก”
“ทีหลังก็น่าจะบอกกันซะหน่อย”
“………..”
“นะ ยูจังนะ”
“ยูจัง”
“หายงอนนะ”
“ก็ได้”
กอดอีกคนแน่นให้คนที่ตีหน้านิ่งนั่งอยู่บนโซฟาหันมาขยี้เรือนผมนุ่มของเธออย่างไม่จริงจังนักจุดอ่อนของแฟนหนุ่มอัตสึโกะรู้ดี ยูเป็นคนแพ้คนขี้อ้อน ยูถึงไม่เคยโกรธเธอได้นานซักที
ถามอีกฝ่ายที่กลับดึกว่าทานอะไรหรือยังก็ได้รับการส่ายหัวเป็นเครื่องยืนยันเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ไม่มีผิด อัตสึโกะเป็นพวกชอบทานอาหารไม่ตรงเวลา ปล่อยให้หญิงสาวทำอะไรไปพลางๆ ส่วนตัวเขาก็ลุกขึ้นมาอุ่นข้าวให้อีกคน
“แล้วที่ประชุมงานวันนี้เรื่องอะไรหรอ”
“งานละครเวทีของคณะอะ”ตบเบาะให้คนที่นั่งอ้อนเมื่อกี้ลงมานั่งทานข้าวเห็นหญิงสาวหยิบกระดาษที่ดูท่าจะจดรายการและกำหนดการสำคัญออกมาดู พิงหัวเข้ากับไหล่ของชายหนุ่มพร้อมบ่นพึมพำ
“แล้วอัตสึโกะอยู่ฝ่ายไหนละ”
“ให้ทายค่ะ”
“เด็กยกของหรอ”
“โหว ไม่เคยรู้มาก่อนนะเนี่ย”
“หูย สวยๆอย่างนี้ก็ต้องนักแสดงซิคะ”
กวนประสาท หญิงสาวว่าอย่างนั้นก่อนระดมกำปั้นเล็กใส่ชายหนุ่มยูหัวเราะด้วยความเอ็นดูก่อนจะส่ายหน้าทำทีเป็นเชิงยอมแพ้
ให้อัตสึโกะเล่าต่อ
“ฉันได้เล่นเป็นโรสแหละ”“หืม?”
“ไททานิคไงคะ”“แล้วใครแสดงเป็นแจ๊ค”
“ไค เพื่อนสนิทฉันเอง”“ทาคาฮาชิ ไค?”
“ช่าย จริงๆคือหมอนั่นเตี้ยมาก แต่รุ่นพี่ชอบเพราะร้องเพลงเพราะ”“อ่อ”
“เพราะมากเลยแหละยูจัง ฟังแล้วเคลิ้มสุดๆเลย”
“อือ”
“ดีจังเลยน้า~ ได้เล่นกับคนที่สนิทกันจะได้ไม่เขิน”
“อืม”“วันนี้พี่เขาเลยให้อยู่ซ้อมบทกันหน่ะ”
“อ๋อ ที่กลับดึกเพราะแบบนี้ซินะ”
“ยูจังเป็นอะไรรึป่าว”
“ป่าว”
“เป็นอะไร”
“ก็บอกว่าป่าวไง!!”เผลอตัวตวาดอีกคนอารมณ์หงุดหงิดที่คิดว่าจะหายไปเริ่มกลับมาปะทุอีกครั้ง ตัดบนสนทนากับอีกฝ่ายก่อนจะลุกจากโซฟาเตรียมตัวเดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกาย เขาเองก็เหนื่อยมามากทั้งวันแล้ว“อย่ามางี่เง่า”“ว่าไงนะ”“ทำไมต้องงี่เง่าด้วย ก็แค่กลับดึกนิดเดียว”
“นิดเดียว?”“จะให้ทำยังไงละ”“แล้วคิดจะบอกกันบ้างมั้ย”“…………..”“นี่แฟนนะ อย่างน้อยก็น่าจะแคร์กันบ้าง”“…………..”“…………..”
“เหนื่อยจากงานในคณะแล้ว ทำไมต้องกลับมาเจอเรื่องงี่เง่าแบบนี้ด้วยวะแม่ง
เบื่อ”
โมโหมาก จนหลุดปากพูดคำหยาบใส่อีกคน
จะว่าไปมันไม่ใช่ความผิดของยูเลยซักนิด
แต่ด้วยอารมณ์เหนื่อยจากงานแถมยังกลับมาเจอคนงี่เง่า
ทำให้เธอรู้สึกรำคาญใจอย่างบอกไม่ถูก เธอก็แค่ต้องการคนที่เข้าใจเธอบ้าง แค่รับฟังเธอก็ยังดี ไม่ใช่มางี่เง่าใส่เธอแบบนี้
“แล้วทำไมต้องพูดคำหยาบด้วยวะ”
“ยูพอเหอะ รำคาญ”
“รำคาญมากมั้ย”
“เออมาก พอใจรึยัง”
พยายามเดินหนีเพื่อตัดบทสนทนา อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากทะเลาะกับยูตอนนี้หรอกอีกทั้งเธอก็รู้สึกไม่ดี
ที่เผลอพูดอะไรแย่ๆใส่อีกฝ่ายด้วยอารมณ์มากกว่าเหตุผล แต่รอยบีบที่ถูกยูกระชากแขนมันเจ็บจนอัตสึโกะต้องเผลอเบ้หน้า
“เพี๊ยะ!!”ก่อนจะรู้ตัวเธอก็ตบชายหนุ่มตัวเล็กเต็มแรงจนใบหน้าอีกฝ่ายขึ้นรอยปื้นแดงเสียแล้วอัตสึโกะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเข้าไปทุบตีอีกฝ่ายตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกสติขาดผึงก็ตอนที่โดนยูผลักลงไปกระแทกกับพื้นก้นจ้ำเบ้า เจ็บจนเธอน้ำตาคลอ
อัตจัง เป็นอะไรหรือเปล่า”
เห็นอีกฝ่ายล้มไปกองกับพื้น ชายหนุ่มจึงรีบเข้าไปประคองด้วยความเป็นห่วงแต่ก็โดนอัตสึโกะปัดมือออกเป็นเชิงไม่ให้เขาเข้าไปยุ่ง ทั้งที่เขาอยากจะเข้าไปเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่ายมากเหลือเกิน
“จะไปไหนก็ไปไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีก!!”
“แต่………”
“บอกให้ออกไป”
“…………..”
“ถ้าไม่ไป เดี๋ยวฉันไปเอง”
“อัตสึโกะ”
พูดเสร็จก็เห็นอีกคนเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่คิดจะสนใจเขาที่อยู่ตรงซักนิด ถอนหายใจอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะหยิบข้าวของสำคัญยัดลงใส่กระเป๋าสะพายใบเก่ง ยูรู้ว่าต่อให้พูดไปตอนนี้ก็มีแต่แย่ลง ไม่อยู่ให้อีกฝ่ายเห็นหน้าคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเวลานี้
แสงไฟบนห้องดับลง เป็นสัญญาณให้คนที่แอบมองอย่างยูค่อยๆเคลื่อนรถออกไปแม้จะชั่งใจอยู่พอสมควรแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่อัตสึโกะร้องขอ อดโกรธตัวเองไม่ได้ที่ใจร้อน ใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล อย่างน้อยเขาก็ควรใจเย็นกว่านี้หน่อยไม่ใช่หรอ รู้สึกแย่ที่ทะเลาะกับอีกฝ่ายจนถึงขนาดลงไม้ลงมือ
แต่ที่เขารู้สึกแย่ที่สุดคือการทำให้คนที่รักร้องไห้เพราะตัวเขาเองนี่แหละ
Tbc.