วันจันทร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2557

I Just [Sayaka x Anna x Miyuki x Haruka x Yui]



I Just  [Sayaka x Anna x Miyuki x Haruka x Yui]




01
 




คาบพละศึกษาเป็นอะไรที่ไม่น่าอภิรมย์เลยซักนิด ยิ่งกับวันที่แดดเปรี้ยงแบบนี้ด้วยยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ มือเรียวหยิบปกสมุดขึ้นมาพัดไล่ความร้อนจากไอแดดที่ลอดเข้ามาในโรงยิม แกว่งเท้าขึ้นลงไปมาบนสแตนด์อย่างเบื่อหน่ายเธอเป็นพวกประเภทไม่ชอบเล่นกีฬา เสียเท่าไหร่อาจจะเรียกว่าอ่อนด๋อยด้วยซ้ำ หันไปมองเพื่อนหน้าสวยที่นั่งเท้าคางมองไปยังกลุ่มวอลเลย์บอลที่คนในห้อง แข่งกันก็อดจะเพ่งความสนใจตามอีกคนไม่ได้


มองอะไรหน่ะ อันนิน



มิ้ลค์กี้ดูซิ ตลกดีเนอะว่ามั้ยคนที่นั่งข้างชี้ไปยังคนที่ถูกพูดถึง สาวผมสั้นที่กำลังวิ่งไล่ลูกบอลที่ลอยออกข้างสนามไปอย่างเอาจริงเอาจัง ผมเพ้าเจ้าตัวที่กระเซอะกระเซิง เสื้อพละที่ยับยู่ยี่ เจ้าตัวดูทุ่มเทเหมือนจะไปคัดทีมชาติก็ไม่ปาน



นั่นซินะ คิกคิก



ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กรอบสายตาเธอเพ่งมองแต่คนผมสั้น ทุกอิริยาบถของอีกคนทำให้เธออดอมยิ้มตามไม่ได้ ทั้งตอนรับบอลพลาดบ้างละหรือตอนที่โดนเพื่อนรวมทีมเอ็ดบ้างละ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเผลอจ้องหน้าอีกคนมานานเท่าไหร่รู้ตัวอีกทีก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังจ้องมองเธอ 


หนะ หน้าเธอมีอะไรติดรึป่าว ?

 
เหนื่อยมั้ย


ไม่เท่าไหร่หรอก สนุกดี


เขยิบที่ให้คนผมสั้นที่เดินมานั่งแทรกกลางระหว่างเธอ กับอันนะ เธอควานหาขวดน้ำเตรียมยื่นให้อีกคนดื่มแก้กระหาย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมือเรียวของเพื่อนสาวหน้าสวยยื่นขวดน้ำแร่อย่างดี ที่เหมือนเจ้าตัวจะเตรียมไว้เฉพาะให้คนผมสั้นยิ้มกว้างก่อนยกดื่มนี่น้ำค่ะ


 ขอบคุณนะ


อันนินนี่น่ารักจังเลยน้า~”


ชมแบบนี้จะอ้อนเอาอะไรคะ


ป่าวหรอกค่ะ แค่อยากชมเฉยๆ


อายมิ้ลค์กี้บ้างซิคะเน่


ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลยเนอะ มิยูกิ?


คนถูกพาดพิงได้แต่ยิ้มแกนๆแทนคำตอบให้คนสองคนตรงหน้า เธอรู้สึกไม่อยากจะมีส่วนร่วมในวงสนทนาของเพื่อนสนิทอย่างอิริยาม่า อันนิน กับเพื่อนร่วมห้องอย่างยามาโมโต้ ซายากะซักเท่าไหร่นัก บทสนทนาของคู่รักที่เพิ่งเปิดตัวคบกันอาจจะดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่เธอรู้สึกว่ามันไม่น่าฟังเลยซักนิด วาตานาเบะ มิยูกิกำลังรู้สึกอิจฉาเล็กๆ ไม่ใช่อิจฉาเพราะอยากมีแฟนหรือมีใครซักคนอย่างที่เธอคอยบอกอันนินมาโดยตลอด


 แต่เป็นความอิจฉาที่คนๆนั้นไม่ใช่เธอ
.
.
.
.
.
.

เสียงกริ่งบอกเวลาที่ดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึง เวลาพักกลางวัน แม้จะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนแต่เสียงจุกจิกที่ดังขึ้นก็ไม่แพ้โรงเรียนผู้ชาย ตอนนี้เธอกำลังโดนอันนะที่โดนซายากะกึ่งลากกึ่งฉุดอีกทอดนึงไปที่โรงอาหาร ถ้าไม่รีบ เดี๋ยวก็ไม่มีที่นั่งหรอกซายากะว่าอย่างนั้น 


ไปซื้อกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันนั่งจองโต๊ะให้ โบกมือให้อันนะที่หันมาถามเธอว่าจะไปซื้อข้าวพร้อมกันเลยรึป่าว คนหน้าสวยพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินตามคนผมสั้นที่ท่าทางจะหิวจัด จึงเดินตัวปลิวไม่รอใครแบบนี้


ไอเน่ มันจะรีบไปไหนของมันอะ


จะรู้หรอยุย ก็เดินมาด้วยกันเนี่ย


 อ่าวพารุ หมอว่าไงบ้างอะแก


มิยูกิไถ่ถามอาการของสาวหน้านิ่งเพื่อนสนิทอีกคนของเธอที่โดนพยุงโดยคนข้างๆให้นั่งลงถัดจากเธอ ชิมาซากะ ฮารุกะ ทำปากจู๋พร้อมยกนิ้วเป็นทำนองไม่ต้องห่วง อย่าให้เฝือกโดนน้ำซิพารุ เดี๋ยวมันก็ไม่หายหรอก โยโกยาม่า ยุยเพื่อนอีกคนในกลุ่มของเธอเอ็ดขึ้นเบาๆให้เจ้าตัวทำหน้างอ ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันโดนซะหน่อย ทำไมยุยต้องดุกันด้วยละ



ปล่อยให้ทั้งสองคนเถียงกันเป็นเด็กๆ มิยูกิเลือกที่จะนั่งเงียบเป็นแบล็กกราวน์ประกอบฉากรอเวลาที่จะไปซื้อข้าว นึกแล้วก็อดจะอิจฉาคู่ยุยพารุไม่ได้ นี่ทั้งคู่ก็เพิ่งมาจากโรงพยาบาลหลังจากยุยพาพารุไปตรวจแผล เมื่อราวๆซักอาทิตย์ก่อนเพื่อนสาวเธอเกิดเดินซุ่มซ่ามตกบันไดบ้านจนต้องเข้าเฝือกที่ขา เดือดร้อนให้แฟนสาวของเจ้าตัวอย่างยุย ต้องรับหน้าที่คอยดูแลแฟนสาวที่พ่วงตำแหน่งเด็กดื้ออย่างพารุ


ไปซื้อข้าวได้แล้วแก แถวจะยาวไปถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว


อื้อ~”


พารุจะทานอะไร กินเหมือนฉันละกันนะขี้เกียจไปต่อแถวอื่น


ชิ ไม่เห็นอยากกินแบบเดียวกับยุยเลย


อันนะกับซายากะเดินมาวางถาดอาหาร ก่อนไล่ให้มิยูกิกับยุยที่กำลังชี้หน้าคาดโทษใส่แฟนสาวที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ให้ไปต่อแถว เนื่องจากแถวที่ยาวเหยียดเพราะคนเริ่มทยอยลงมาจากอาคารเรียนเพิ่มขึ้น 

   
ตอนนี้แกชอบใครอยู่ปะวะมิ้ลค์กี้


กะ….แกจะบ้าหรอยุยแม้จะดูเป็นคำถามที่ชวนคุยเสียมากกว่าคำถามที่เจาะจงเอาคำตอบ แต่ก็อดทำให้มิยูกิรู้สึกตกใจกับคำถามของยุยไม่ได้  แค่ถามเฉยๆ ทำไมแกต้องทำตัวมีพิรุธด้วยเห็นเพื่อนสาวตายิ้มทำท่าลุกลี้ลุกลนจึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าอีกคนน่าแกล้งเข้าไปใหญ่


เอ๋ หรือว่า………”


อะไรของแก?


แกชอบใครอยู่ใช่มั้ยละ


ฉะ…..ฉันไม่ได้ชอบใครซะหน่อย


ไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบดิ ทำไมต้องหน้าแดงด้วย


ข้าวฉันได้และ เจอกันที่โต๊ะนะแกถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสามารถหนีเพื่อนจอมตื้ออย่างยุยได้ ยุยเป็นพวกจับผิดชาวบ้านเก่งด้วยหน้าตาเรียบๆของเจ้าตัว ที่มิยูกิรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก


 มิยูกิมานั่งข้างฉันก็ได้นะ ตรงนี้ว่างพอดี ซายากะดึงเก้าอี้ที่อยู่ใต้โต๊ะก่อนเลื่อนให้เธอนั่ง แม้จะไม่อยากนั่งเสียเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก มองไปอีกฝั่งก็เห็นอันนะนั่งตรงข้ามกับซายากะโดยมีฮารุกะนั่งถัดจากอันนะมาอีกต่อนึง ขอบใจนะซายาเน่ มิยูกิทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ก่อนจะนั่งกินข้าวและนั่งฟังบทสนทนาบนโต๊ะเงียบๆ


แล้วฮารุกะจังโอเคขึ้นแล้วใช่มั้ย


ดีขึ้นแล้วหล่ะซายากะจัง


เห็นยุยฮังดูแลพารุดี้ดี อันนินอดจะอิจฉาไม่ได้


แหม ก็ธรรมดาไม่เห็นมีอะไรเลย ยุยซื่อบื้อจะตาย


อะแฮ่มๆๆ


อะไรติดคอหรอคะ โยโกยาม่าซังฮารุกะหันไปมองคนยิ้มกวนๆที่ยกจากข้าวยื่นให้เธอด้วยความหมั่นไส้ อยากจะหยิกแขนคนกวนประสาทซักทีสองที แต่ก็ติดว่ากลัวจะไม่มีใครคอยรับคอยส่ง จึงทำได้แค่ส่งสายตาพิฆาตให้ยุยที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว ความรักมั้ง เนอะมิลค์กี้


จะ…..เจ้าบ้ายุย


ความรัก? เดี๋ยวนี้แกมีความลับกับฉันหรอยัยมิ้ลค์นั่นเสียงของพารุพร้อมสายตาจับผิด ที่เธอคิดว่าคงไปติดนิสัยมาจากยุยแน่ๆ แล้วนี่มิลค์กี้ชอบใครหรอทำไมไม่บอกเลย อันนินรู้จักหรือเปล่าเสียงของอันนินดังขึ้น เจ้าตัวทำหน้างอ เดือดร้อนให้เธอต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน


ยิ่งกว่ารู้จักซะอีกหล่ะ………………..


ยุยมันก็บ้าพูดไปเรื่อย ฉันไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละ


ยุยอะ นิสัยไม่ดีเลยไปแกล้งมิลค์กี้ทำไม


เธอเพิ่งสังเกตว่าซายากะเงียบผิดปกติ คนผมสั้นนั่งกินข้าวเงียบไม่พูดไม่จาคล้ายจะไม่พอใจอะไรซักอย่าง มิยูกิรู้สึกทำตัวไม่ถูกจึงเลือกที่จะหันไปเถียงกับยุยแทน ใช่แกมันแย่จริงๆ เดี๋ยวฉันจะยุให้พารุเลิกกับแกเลย คอยดู!”


เดี๋ยวเหอะ!”


ไม่เอานะแก เดี๋ยวไม่มีใครคอยดูแลฉันพอดี


พารุเห็นเค้ามีค่าแค่นี้หรอ ใจร้ายจริง กระซิกๆยุยแกล้งปาดน้ำตาให้มิยูกิและฮารุกะส่ายหัวอย่างเอือมระอากับแอคติ้งของเจ้าตัว เดี๋ยวอันนินขอตัวขึ้นไปอ่านหนังสือก่อนนะ เน่ทานให้เสร็จแล้วค่อยตามอันนินไปก็ได้ค่ะ



อันนะเป็นพวกตั้งใจเรียนเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม หรือจะพูดให้ถูกก็คือเป็นอันดับหนึ่งของห้องเสียด้วยซ้ำ เจ้าตัวเป็นพวกไม่ชอบเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระซะเท่าไหร่ แม้ดูน่าแปลกใจไปซะหน่อยที่คนอย่างอันนะมาสนิทกับ มิยูกิ ฮารุกะ และยุย ได้แต่ทั้งสี่คนก็สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้นจนมาถึงระดับชั้นปีสุดท้ายของมัธยม ทั้งสี่คนได้อยู่ห้องเดียวกันเลยยิ่งทำให้กลายเป็นยิ่งสนิทกันมากยิ่งขึ้น ด้วยภาพลักษณ์ของอันนะเลยทำให้สามคนที่เหลือไม่คิดที่จะพูดคำหยาบใส่ให้อีกคนระคายหู


งั้นเดี๋ยวเจอกันนะอันนิน” 


คนในโต๊ะโบกมือให้อันนะที่เดินขึ้นตึกเรียนไป ก่อนหันมาจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จเพราะนี่ก็ใกล้หมดเวลาพักแล้ว มิยูกิรวบช้อนลงในจานก่อนควานหากระเป๋าสตางค์ในกางเกงพละเพื่อเก็บเงินให้ เป็นระเบียบ เธอติดนิสัยชอบยัดเงินทอนที่ได้จากการซื้อของไว้ในกระเป๋าเสื้อ แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จึงก้มๆเงยๆให้ทั้งโต๊ะแปลกใจ


เป็นอะไรหรอ มิยูกิ?


เหมือนกระเป๋าสตางค์ของฉันจะหาย สงสัยจะไปวางลืมไว้ที่ไหนแน่ๆ


แล้วเมื่อกี้มิยูกิเอาเงินที่ไหนซื้อข้าว?ซายากะถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง เจ้าตัวก้มมองไปรอบบริเวณโต๊ะแต่ก็ไม่พบสิ่งที่คลับคลายคลับคลาว่าจะเป็นสิ่งที่อีกคนหาอยู่ เงินมันอยู่ในกระเป๋าเสื้อฉันตั้งแต่เช้าหน่ะ


แกลองคิดดูดีๆ ว่าแกไปวางลืมที่ไหนหรือเปล่า


ห้องน้ำรึป่าวแก?


สงสัยฉันคงลืมไว้ที่โรงยิมมั้ง งั้นเดี๋ยวแกกับยุยบอกอาจารย์ให้ทีนะว่าฉันอาจขึ้นห้องช้าหน่อยยุยรับปากว่าจะบอกอาจารย์ประจำวิชาคาบถัดไปให้ไม่ต้องห่วง เจ้าตัวหันมาถามซายากะที่ส่ายหน้าปฎิเสธว่าไม่เป็นไรให้ขึ้นไปเลยไม่ต้องรอ เธออยากช่วยมิยูกิหากระเป๋ามากกว่า


 เดี๋ยวฉันช่วยหานะ


ฉันไม่อยากรบกวนซายาเน่หน่ะ ไม่เป็นไรหรอกฉันหาเองได้


ไม่ได้รบกวนอะไรเรื่องแค่นี้เอง


“……..”


มิยูกิรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อคนที่เดินข้างกันฉวยมือเธอไปกุมอย่างถือวิสาสะ เจ้าตัวกุมมือเธอแน่นก่อนจะวิ่งหนีแดดที่สาดส่องมาตามทางเดินของโรงเรียน เร็วๆซิมิยูกิ เดี๋ยวโดนแดดก็ดำกันพอดี


ไม่คิดว่าอย่างซายาเน่ก็กลัวแดดกับเค้าด้วยนะเนี่ย คิก~”


ก็ฉันเป็นพวกดำง่ายนี่หน่า ไม่เหมือนมิยูกิหรอก


ถ้าขาวๆต้องแบบยัยพารุนู่น


นั่นซิเนอะ


 เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ตอนนี้เธอทั้งคู่มาหยุดอยู่หน้าโรงยิม อยากจะยืดเวลาให้นานกว่านี้ซักหน่อย มันไม่บ่อยนักที่เธอกับซายากะจะได้คุยกันตามลำพังแบบนี้ เขาไปหาพร้อมกันนี่แหละ จะได้เจอไวๆ


เจอไหม?


ไม่เจอเลย ของในกระเป๋าถ้าหายไปนี่แย่เลยทำไงดี ซายากะหันไปปลอบคนที่ทำหน้าตาจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ค่อยๆคิดซิมิยูกิ


ลองดูที่ล็อกเกอร์รึยัง?


คนผมสั้นเดินนำเธอเข้าไปในด้านข้างโรงยิม ก่อนไปหยุดตรงล็อกเกอร์ที่ใช้เก็บสัมภาระของนักเรียนที่เข้ามาใช้โรงยิม สาวตายิ้มล้วงหยิบกุญแจที่เธอบังเอิญเสียบค้างเอาไว้ นี่มิยูกิเสียบกุญแจทิ้งไว้ทั้งแบบนี้หรอ!” ซายากะเอ็ดเธอเสียงดัง ให้เธอเอามือปิดปากอีกคนแทบไม่ทัน แค่ลืมทิ้งไว้เองทำไมต้องเสียงดังด้วยเล่า


อ้ะ เจอแล้วอยู่นี่เอง ขอบใจมากนะที่ช่วยหา


เปิดตู้ล็อคเกอร์ พลางยิ้มแป้นโชว์กระเป๋าสตางค์สีดำให้อีกคนดูเป็นเครื่องยืนยันว่าเจอสิ่งที่หาแล้วจริงๆนะ พร้อมกันดึงแขนคนที่ยืนอยู่ข้างตัวให้รีบออกไปจากโรงยิม เพราะนี่เลยเวลาเข้าเรียนมานานพอสมควรอีกอย่างเธอก็ไม่อยากอยู่กับอีกคนสองต่อสองนานๆด้วย


ถึงเธอจะแอบรู้สึกดีก็เถอะนะ


มิยูกิ ฉันถามอะไรหน่อยซิ


อะไรหรอ


ถ้ามีแฟนอยู่แล้ว แต่มิยูกิเองเกิดไปรู้สึกดีกับคนอื่น เธอจะทำยังไง?


พะ..พูดอะไรแปลกๆมีอะไรหรือเปล่า?


เห็นซายากะเม้มปากเหมือนช่างใจที่จะพูดอะไรออกมา เจ้าตัวเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับจ้องหน้าเธอให้เธอรู้สึกใจเต้น อีกคนกระซิบเบาๆที่ข้างหูก่อนจะเดินนำหน้าเธอออกไปจากโรงยิม


ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่เรื่องสมมติ…………..”



อย่างงั้นหรอ?

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2557

Am I deserve a second chance?

 01







ฉันคิดว่าเราสองคนเลิกกันเถอะ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

ซายากะจัง~”



“………….” 



ซายากะจัง~”



“………….”


 
ซายากะจัง~”



เสียงอ้อน รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ดังขึ้นจากสาวหน้าสวยที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาขนาด ใหญ่คล้ายจะเรียกร้องความสนใจจากสาวผมสั้นที่กำลังง่วนอยู่กับแป้นพิมพ์ โทรศัพท์ให้เจ้าตัวเปรยตามองก่อนจะครางตอบรับในลำคอ



หื้ม



รู้สึกเหมือนโดนละเลย มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของอีกคนที่เจ้าตัวดูจะติดนักติดหนา แต่ก็ยังไม่ได้ทันจะทำอะไรกับมันก็โดนสายตาดุๆของยามาโมโต้ ซายากะที่จ้องเขม็งมาทางเธอจัดการเข้าให้ 



ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วยหรอกนะ วาตานาเบะ มิยูกิ เอามือถือคืนมาแล้วนั่งดีๆ 




ทำหน้าบูดเป็นเด็กโดนขัดใจ เธอส่งโทรศัพท์ให้อีกคนอย่างไม่มีทางเลือกมากนักก่อนจะนั่งลงข้างคนผมสั้น อีกรอบ เห็นอีกฝ่ายดูสนใจเจ้าเครื่องมือสื่อสารในมือก็อดจะเอ่ยถามอย่างงอนๆไม่ได้



ซายากะ



ว่ายังไง 



เดี๋ยวนี้ซายากะสนใจโทรศัพท์มากกว่าฉันหรอ?



คนผมสั้นถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกเหนื่อยกับคำพูดอีกคนแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรนอกจากปล่อยให้สาวตายิ้มนั่งจมกับความคิดของตัวเอง
.
.
.
.
.
.

ด้วยตารางที่ค่อนข้างจะรัดตัวจึงทำให้เธอต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ พอจะมีช่วงเวลาตอนนี้ที่ว่างอยู่บ้างซายากะจึงชวนแฟนสาวตายิ้มที่มีเวลาว่างตรงกันมานอนเล่นและดูหนังที่ห้องพัก แม้จะอยากไปไหนมาไหนแบบคู่รักคู่อื่นบ้าง แต่เธอก็ต้องยอมรับด้วยอาชีพของเธอจึงทำให้ไม่มีเวลาว่างได้อย่างคนอื่นเสียเท่าไหร่




ซายากะนอกใจฉันหรอ    



อย่าชวนทะเลาะได้มั้ยมิยูกิ
  



หลับตาพิงพนักโซฟาพร้อมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เธอรู้สึกปวดหัวกับคำถามของอีกคน ทั้งที่เวลาจะเจอกันยังแทบไม่ค่อยมีแต่อีกฝ่ายกลับชวนเธอทะเลาะแบบนี้อีก




ไม่ได้ชวนทะเลาะ แต่ฉันเห็นเธอดูมีความสุขที่ได้มีฉากจูบ



มิยูกิ…….




นี่ยังไม่นับที่เธอไม่ปฏิเสธตอนโดนจับให้เป็นคู่จิ้นกับตานั่นด้วย





แม้จะพูดเหมือนไม่คิดอะไรแต่เธอก็สัมผัสได้ถึงความโกรธและความน้อยใจที่แฝงไว้ในน้ำเสียงราบเรียบของอีกฝ่าย





ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้งี่เง่าได้ถึงขนาดนี้นะ? 





 มิยูกิ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นใครใช่ไหม รู้รึป่าวว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน?!”



“…………….” 




ทั้งที่เธอก็รู้ว่ามันเป็นงานแต่เธอก็ยังทำเหมือนฉันนอกใจเธอ เธอเคยเข้าใจฉันบ้างรึป่าว?!”
 



เผลอขึ้นเสียงใส่มิยูกิที่นั่งก้มหน้างุดอย่างไม่ชอบใจ ความอดทนของคนเรามีขีดจำกันทั้งที่เธอพยายามอดทนมาตลอด แต่คราวนี้มันมากเกินไป วาตานาเบะ มิยูกิงี่เง่ามากเกินไป 





ฉันขอโทษละกัน ขอโทษที่เรียกร้องอะไรมากเกินไป




“…………………”



ฉันก็แค่ แค่อยากมีเดทที่ธรรมดาอย่างคนอื่นเข้าบ้าง!!” 




าดน้ำตาพร้อมตะโกนด้วยความน้อยใจใส่สาวผมสั้นที่ทำหน้าเบื่อเธออย่างไม่ปิดบัง เธอแค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไป ยามาโมโต้ ซายากะไม่แคร์เธอเหมือนอย่างที่เคย 





ถ้าต้องการแบบนั้น งั้นทำไมไม่ไปคบกันคนธรรมดาซะเลยละ!!”





เห็นอีกคนร้องไห้จนสะอื้นตัวโยนเพราะคำพูดของตัวเองก็รู้สึกปวดใจอยู่ไม่น้อย เธออยากจะเข้าไปกอดปลอบและขอโทษอีกฝ่ายแต่ปากเจ้ากรรมดันไม่พูดออกไปตามที่รู้สึก 




...ฉันขอโทษ  



เอ่ยคำขอโทษอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา มิยูกิกวาดข้าวของใส่กระเป๋าสะพายใบที่สาวผมสั้นเคยซื้อให้เธอตอนคบกันแรกๆ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องพักของอีกฝ่ายโดยไม่รอให้ซายากะรั้งเธอไว้ เธอเจ็บปวดเกินกว่าจะทนอยู่ให้อีกฝ่ายพูดจาทำร้ายจิตใจใส่




“มิยูกิเดี๋ยวก่อน!! มิยูกิ โธ่เว้ย



เขวี้ยงข้าวของในห้องด้วยความโมโหตัวเอง ปกติเธอไม่ใช่คนใจร้ายที่จะพูดอะไรไม่แคร์ความรู้สึกของแฟนสาวแบบนี้ แม้อีกฝ่ายจะดูงี่เง่าเอาแต่ใจไปซักหน่อย แต่การได้เห็นน้ำตามิยูกิวันนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่กับตัวเองมาก ถ้าเธอใจเย็นกว่านี้อีกซักหน่อยเรื่องราวแบบนี้ก็คงจะไม่เกิด 





ขอโทษนะมิยูกิ
.

.
.
.
.

.
.

.
.

วันนี้เป็นอีกวันที่ตารางงานรัดตัวจนเธอแทบไม่มีเวลาพัก การเป็นดารามือใหม่ทำให้เธอไม่อยากเลือกงานเท่าไหร่นัก มีงานอะไรเธอก็อยากจะรับหมดเพื่อเป็นที่รู้จักในวงกว้างให้ได้เร็วที่สุดแต่ก็ต้องแลกกับการเวลาว่าง อย่างวันนี้ที่เธอเพิ่งเคลียร์งานที่เริ่มมาแต่เช้าจนเพิ่งมาเสร็จตอนสามทุ่มกว่า




เปิดมือถือขึ้นมาเช็คปกติซายากะเป็นคนไม่ชอบเปิดมือถือตอนทำงานเสียเท่าไหร่ เธอเป็นพวกที่ไม่ชอบให้มีอะไรมารบกวนระหว่างการทำงาน อุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับนับร้อยพร้อมข้อความจำนวนมากจากแฟนสาวเด้งขึ้นมา ก่อนหันไปสั่งคนขับรถให้ขับรถไปยังที่พักมิยูกิด้วยความร้อนใจนึกอะไรขึ้นมาได้ 




เธอลืมวันครบรอบสองปีของเธอกับมิยูกิเสียสนิท







โอ้ย ลิฟต์มาเสียอะไรตอนนี้




วิ่งขึ้นบันได้อย่างเหนื่อยหอบจนมาหยุดที่หน้าห้องของสาวเจ้าที่เธอคุ้นเคยดีที่ห้องของมิยูกิไม่อยู่ชั้นที่สูงมากนัก ตอนนั่งในรถเธอพยายามสาวเจ้าหลายครั้งหลายหนก็ติดต่อไม่ได้ แปลกเหมือนกันทั้งที่เธออยากคุยกับอีกฝ่ายใจจะขาดแต่พอมาหยุดที่หน้าห้องเธอกลับไม่กล้าแม้แต่จะเคาะประตู ก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร ประตูก็ถูกเปิดออกโดยอีกฝ่าย  



“………….”




มิยูกิ คือฉัน





เข้ามาก่อนซิ ซายากะจัง




เดินตามสาวตายิ้มที่เปิดประตูให้เธอเข้าไปในห้อง เห็นเจ้าตัวดูไม่โกรธเคืองเธอก็ใจชื้นขึ้นมาบ้าง มิยูกิเดินนำเธอมานั่งที่โซฟาก่อนจะมองหน้าเธอให้เธอรู้สึกแปลกใจ





มิยูกิเรื่องวันนี้ ฉันขอโทษนะพอดีงานฉันยุ่งมากจริงๆ......




ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ใช่ความผิดซายากะซะหน่อย




อย่างงั้นหรอ






ซายากะ



หื้ม



ฉันคิดว่าเราสองคนเลิกกันเถอะ





มะ หมายความว่ายังไง……..”



มิยูกิเอื้อมมือจับแก้มของสาวผมสั้นก่อนลูบไล้อย่างแผ่วเบาคล้ายจะปลอบให้เธอสงบสติอารมณ์ลง ยิ้มอ่อนโยนที่มักทำให้ซายากะรู้สึกอุ่นใจ แต่วันนี้มันแปลกออกไป ซายากะรู้สึกไม่ต้องการรอยยิ้มแบบนี้เลยซักนิด





ฉันไม่ได้โกรธเรื่องวันนี้ ฉันเข้าใจซายากะ



แล้วทำไมหล่ะ มิยูกิ




ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่ซายากะเคยพูดไว้จริงๆแหละนะ 
หัวเราะด้วยความขมขื่น มิยูกิพยายามกระพริบตาเพื่อไล่หยดน้ำสีใสที่กำลังไหล เธอต้องไม่ร้องไห้ เธอต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจ


 
ไม่ใช่.......ไม่ใช่แบบนั้นเลย




ฉันมักจะขอให้ซายากะพาฉันไปเดทและจับมือกันแบบคู่รักคู่อื่นเค้าบ้างทั้งที่ฉันก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันมักขอให้ซายากะพาฉันไปดูหนังทั้งที่ฉันก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันขอให้ซายากะพาฉันไปกินข้าวทั้งที่มันก็เป็นไปไม่ได้อีก ฉันมันจะขอ ขอในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้มาโดยตลอด  






กลั้นสะอื้นอย่างเจ็บปวด วาตานาเบะ มิยูกิกำลังเสียใจและเธอก็รู้ว่ายามาโมโต้ ซายากะรู้สึกไม่ต่างกันคนผมสัั้นโถมตัวเข้าใส่มิยูกิจากด้านหลัง กลั้นสะอื้นอย่างไม่อายอย่างคนขาดใจ ทั้งที่อยากจะหันไปกอดปลอบแต่มิยูกิทำได้แค่พยายามใจแข็ง มือเรียวดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดก่อนดันตัวอีกคนเบาๆ




ต่างฝ่ายต่างเสียใจ แต่ที่เธอทำก็เพื่อซายากะทั้งนั้น
 





ฉันเห็นแก่ตัวที่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของซายากะเลยซักนิด ฉันเอาแต่เรียกร้องทุกสิ่งทุกอย่างจากซายากะ แต่ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำแบบนั้นแล้วหล่ะ ฉันไม่อยากเป็นคนทำลายความฝันของซายากะอีกแล้ว




ได้โปรด
.
.
 



มะ ไม่เอา…..”



มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่ เราต่างทำร้ายกันและกันมามากพอแล้ว แล้วฉันก็ไม่อยากทำร้ายซายากะอีกแล้ว ไม่อยากแล้วจริงๆ…”




ขอร้อง
.
.
  


ฉันรักซายากะนะ รักมาโดยตลอด” 




เอ่ยความรู้สึกให้อีกฝ่ายฟังเป็นครั้งสุดท้าย เห็นซายากะร้องไห้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนความเข้มแข็งที่เธอพยายามสร้างมาก็พังทลายลง มิยูกิเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้อีกคนก่อนค่อยๆจรดริมฝีปากลงบนตำแหน่งเดียวกันกับอีกคน 




ไม่คิดว่าการจากลาทั้งที่ยังรักมันทำให้เธอเจ็บปวดขนาดนี้และคิดว่าซายากะคงไม่ต่างกัน 




รสจูบ ความอ่อนโยน เสียงหัวเราะ สัมผัสจากมิยูกิ แค่คิดว่าต่อไปเธอจะไม่มีโอกาสได้รับมันอีก เธอก็แทบจะทนไม่ไหว ที่คิดเอาไว้ว่าเป็นคนเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่เลย เธอกำลังอ่อนแอ ถึงคราวที่คนเข้มแข็งอย่างซายากะต้องเสียน้ำตา




โชคดีนะ



อย่าฮึก.…”



ฉันเชื่อว่าซายากะต้องทำได้




อย่าทิ้งฉันไป
.
.




ที่รัก