I
Just [Sayaka
x Anna x Miyuki x Haruka x Yui]
01
คาบพละศึกษาเป็นอะไรที่ไม่น่าอภิรมย์เลยซักนิด ยิ่งกับวันที่แดดเปรี้ยงแบบนี้ด้วยยิ่งทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ มือเรียวหยิบปกสมุดขึ้นมาพัดไล่ความร้อนจากไอแดดที่ลอดเข้ามาในโรงยิม แกว่งเท้าขึ้นลงไปมาบนสแตนด์อย่างเบื่อหน่ายเธอเป็นพวกประเภทไม่ชอบเล่นกีฬา เสียเท่าไหร่อาจจะเรียกว่าอ่อนด๋อยด้วยซ้ำ หันไปมองเพื่อนหน้าสวยที่นั่งเท้าคางมองไปยังกลุ่มวอลเลย์บอลที่คนในห้อง แข่งกันก็อดจะเพ่งความสนใจตามอีกคนไม่ได้
“มองอะไรหน่ะ อันนิน”
“มิ้ลค์กี้ดูซิ ตลกดีเนอะว่ามั้ย” คนที่นั่งข้างชี้ไปยังคนที่ถูกพูดถึง
สาวผมสั้นที่กำลังวิ่งไล่ลูกบอลที่ลอยออกข้างสนามไปอย่างเอาจริงเอาจัง ผมเพ้าเจ้าตัวที่กระเซอะกระเซิง
เสื้อพละที่ยับยู่ยี่ เจ้าตัวดูทุ่มเทเหมือนจะไปคัดทีมชาติก็ไม่ปาน
“นั่นซินะ คิกคิก”
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่กรอบสายตาเธอเพ่งมองแต่คนผมสั้น
ทุกอิริยาบถของอีกคนทำให้เธออดอมยิ้มตามไม่ได้ ทั้งตอนรับบอลพลาดบ้างละหรือตอนที่โดนเพื่อนรวมทีมเอ็ดบ้างละ
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอเผลอจ้องหน้าอีกคนมานานเท่าไหร่รู้ตัวอีกทีก็สบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังจ้องมองเธอ
หนะ หน้าเธอมีอะไรติดรึป่าว ?
“เหนื่อยมั้ย”
“ไม่เท่าไหร่หรอก สนุกดี”
เขยิบที่ให้คนผมสั้นที่เดินมานั่งแทรกกลางระหว่างเธอ
กับอันนะ เธอควานหาขวดน้ำเตรียมยื่นให้อีกคนดื่มแก้กระหาย
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นมือเรียวของเพื่อนสาวหน้าสวยยื่นขวดน้ำแร่อย่างดี
ที่เหมือนเจ้าตัวจะเตรียมไว้เฉพาะให้คนผมสั้นยิ้มกว้างก่อนยกดื่ม “นี่น้ำค่ะ”
“ขอบคุณนะ”
“อันนินนี่น่ารักจังเลยน้า~”
“ชมแบบนี้จะอ้อนเอาอะไรคะ”
“ป่าวหรอกค่ะ แค่อยากชมเฉยๆ”
“อายมิ้ลค์กี้บ้างซิคะเน่”
“ไม่เห็นน่าอายตรงไหนเลยเนอะ มิยูกิ?”
คนถูกพาดพิงได้แต่ยิ้มแกนๆแทนคำตอบให้คนสองคนตรงหน้า เธอรู้สึกไม่อยากจะมีส่วนร่วมในวงสนทนาของเพื่อนสนิทอย่างอิริยาม่า
อันนิน กับเพื่อนร่วมห้องอย่างยามาโมโต้ ซายากะซักเท่าไหร่นัก บทสนทนาของคู่รักที่เพิ่งเปิดตัวคบกันอาจจะดูน่ารักน่าเอ็นดู
แต่เธอรู้สึกว่ามันไม่น่าฟังเลยซักนิด วาตานาเบะ มิยูกิกำลังรู้สึกอิจฉาเล็กๆ
ไม่ใช่อิจฉาเพราะอยากมีแฟนหรือมีใครซักคนอย่างที่เธอคอยบอกอันนินมาโดยตลอด
แต่เป็นความอิจฉาที่คนๆนั้นไม่ใช่เธอ
.
.
.
.
.
.
เสียงกริ่งบอกเวลาที่ดังขึ้นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าถึง
เวลาพักกลางวัน
แม้จะเป็นโรงเรียนหญิงล้วนแต่เสียงจุกจิกที่ดังขึ้นก็ไม่แพ้โรงเรียนผู้ชาย
ตอนนี้เธอกำลังโดนอันนะที่โดนซายากะกึ่งลากกึ่งฉุดอีกทอดนึงไปที่โรงอาหาร “ถ้าไม่รีบ
เดี๋ยวก็ไม่มีที่นั่งหรอก” ซายากะว่าอย่างนั้น
“ไปซื้อกันก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันนั่งจองโต๊ะให้” โบกมือให้อันนะที่หันมาถามเธอว่าจะไปซื้อข้าวพร้อมกันเลยรึป่าว
คนหน้าสวยพยักหน้ารับก่อนจะรีบเดินตามคนผมสั้นที่ท่าทางจะหิวจัด
จึงเดินตัวปลิวไม่รอใครแบบนี้
“ไอเน่ มันจะรีบไปไหนของมันอะ”
“จะรู้หรอยุย ก็เดินมาด้วยกันเนี่ย”
“อ่าวพารุ หมอว่าไงบ้างอะแก”
มิยูกิไถ่ถามอาการของสาวหน้านิ่งเพื่อนสนิทอีกคนของเธอที่โดนพยุงโดยคนข้างๆให้นั่งลงถัดจากเธอ
ชิมาซากะ ฮารุกะ ทำปากจู๋พร้อมยกนิ้วเป็นทำนองไม่ต้องห่วง “อย่าให้เฝือกโดนน้ำซิพารุ
เดี๋ยวมันก็ไม่หายหรอก” โยโกยาม่า ยุยเพื่อนอีกคนในกลุ่มของเธอเอ็ดขึ้นเบาๆให้เจ้าตัวทำหน้างอ
“ก็ไม่ได้ตั้งใจให้มันโดนซะหน่อย ทำไมยุยต้องดุกันด้วยละ”
ปล่อยให้ทั้งสองคนเถียงกันเป็นเด็กๆ มิยูกิเลือกที่จะนั่งเงียบเป็นแบล็กกราวน์ประกอบฉากรอเวลาที่จะไปซื้อข้าว
นึกแล้วก็อดจะอิจฉาคู่ยุยพารุไม่ได้ นี่ทั้งคู่ก็เพิ่งมาจากโรงพยาบาลหลังจากยุยพาพารุไปตรวจแผล
เมื่อราวๆซักอาทิตย์ก่อนเพื่อนสาวเธอเกิดเดินซุ่มซ่ามตกบันไดบ้านจนต้องเข้าเฝือกที่ขา
เดือดร้อนให้แฟนสาวของเจ้าตัวอย่างยุย
ต้องรับหน้าที่คอยดูแลแฟนสาวที่พ่วงตำแหน่งเด็กดื้ออย่างพารุ
“ไปซื้อข้าวได้แล้วแก แถวจะยาวไปถึงหน้าประตูโรงเรียนแล้ว”
“อื้อ~”
“พารุจะทานอะไร กินเหมือนฉันละกันนะขี้เกียจไปต่อแถวอื่น”
“ชิ ไม่เห็นอยากกินแบบเดียวกับยุยเลย”
อันนะกับซายากะเดินมาวางถาดอาหาร
ก่อนไล่ให้มิยูกิกับยุยที่กำลังชี้หน้าคาดโทษใส่แฟนสาวที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ให้ไปต่อแถว
เนื่องจากแถวที่ยาวเหยียดเพราะคนเริ่มทยอยลงมาจากอาคารเรียนเพิ่มขึ้น
“ตอนนี้แกชอบใครอยู่ปะวะมิ้ลค์กี้”
“กะ….แกจะบ้าหรอยุย” แม้จะดูเป็นคำถามที่ชวนคุยเสียมากกว่าคำถามที่เจาะจงเอาคำตอบ
แต่ก็อดทำให้มิยูกิรู้สึกตกใจกับคำถามของยุยไม่ได้ “แค่ถามเฉยๆ ทำไมแกต้องทำตัวมีพิรุธด้วย”
เห็นเพื่อนสาวตายิ้มทำท่าลุกลี้ลุกลนจึงยิ่งทำให้เธอรู้สึกว่าอีกคนน่าแกล้งเข้าไปใหญ่
“เอ๋ หรือว่า………”
“อะไรของแก?”
“แกชอบใครอยู่ใช่มั้ยละ”
“ฉะ…..ฉันไม่ได้ชอบใครซะหน่อย”
“ไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบดิ ทำไมต้องหน้าแดงด้วย”
“ข้าวฉันได้และ เจอกันที่โต๊ะนะแก” ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อสามารถหนีเพื่อนจอมตื้ออย่างยุยได้
ยุยเป็นพวกจับผิดชาวบ้านเก่งด้วยหน้าตาเรียบๆของเจ้าตัว ที่มิยูกิรู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก
“มิยูกิมานั่งข้างฉันก็ได้นะ
ตรงนี้ว่างพอดี”
ซายากะดึงเก้าอี้ที่อยู่ใต้โต๊ะก่อนเลื่อนให้เธอนั่ง แม้จะไม่อยากนั่งเสียเท่าไหร่แต่เธอก็ไม่มีทางเลือก
มองไปอีกฝั่งก็เห็นอันนะนั่งตรงข้ามกับซายากะโดยมีฮารุกะนั่งถัดจากอันนะมาอีกต่อนึง
“ขอบใจนะซายาเน่”
มิยูกิทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ ก่อนจะนั่งกินข้าวและนั่งฟังบทสนทนาบนโต๊ะเงียบๆ
“แล้วฮารุกะจังโอเคขึ้นแล้วใช่มั้ย”
“ดีขึ้นแล้วหล่ะซายากะจัง”
“เห็นยุยฮังดูแลพารุดี้ดี อันนินอดจะอิจฉาไม่ได้”
“แหม ก็ธรรมดาไม่เห็นมีอะไรเลย ยุยซื่อบื้อจะตาย”
“อะแฮ่มๆๆ”
“อะไรติดคอหรอคะ โยโกยาม่าซัง” ฮารุกะหันไปมองคนยิ้มกวนๆที่ยกจากข้าวยื่นให้เธอด้วยความหมั่นไส้
อยากจะหยิกแขนคนกวนประสาทซักทีสองที แต่ก็ติดว่ากลัวจะไม่มีใครคอยรับคอยส่ง
จึงทำได้แค่ส่งสายตาพิฆาตให้ยุยที่ดูไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ความรักมั้ง
เนอะมิลค์กี้”
จะ…..เจ้าบ้ายุย
“ความรัก? เดี๋ยวนี้แกมีความลับกับฉันหรอยัยมิ้ลค์” นั่นเสียงของพารุพร้อมสายตาจับผิด ที่เธอคิดว่าคงไปติดนิสัยมาจากยุยแน่ๆ “แล้วนี่มิลค์กี้ชอบใครหรอทำไมไม่บอกเลย อันนินรู้จักหรือเปล่า” เสียงของอันนินดังขึ้น เจ้าตัวทำหน้างอ เดือดร้อนให้เธอต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน
ยิ่งกว่ารู้จักซะอีกหล่ะ………………..
“ยุยมันก็บ้าพูดไปเรื่อย ฉันไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละ”
“ยุยอะ นิสัยไม่ดีเลยไปแกล้งมิลค์กี้ทำไม”
เธอเพิ่งสังเกตว่าซายากะเงียบผิดปกติ
คนผมสั้นนั่งกินข้าวเงียบไม่พูดไม่จาคล้ายจะไม่พอใจอะไรซักอย่าง มิยูกิรู้สึกทำตัวไม่ถูกจึงเลือกที่จะหันไปเถียงกับยุยแทน
“ใช่แกมันแย่จริงๆ
เดี๋ยวฉันจะยุให้พารุเลิกกับแกเลย คอยดู!”
“เดี๋ยวเหอะ!”
“ไม่เอานะแก เดี๋ยวไม่มีใครคอยดูแลฉันพอดี”
“พารุเห็นเค้ามีค่าแค่นี้หรอ ใจร้ายจริง กระซิกๆ” ยุยแกล้งปาดน้ำตาให้มิยูกิและฮารุกะส่ายหัวอย่างเอือมระอากับแอคติ้งของเจ้าตัว
“เดี๋ยวอันนินขอตัวขึ้นไปอ่านหนังสือก่อนนะ
เน่ทานให้เสร็จแล้วค่อยตามอันนินไปก็ได้ค่ะ”
อันนะเป็นพวกตั้งใจเรียนเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่ม
หรือจะพูดให้ถูกก็คือเป็นอันดับหนึ่งของห้องเสียด้วยซ้ำ
เจ้าตัวเป็นพวกไม่ชอบเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระซะเท่าไหร่
แม้ดูน่าแปลกใจไปซะหน่อยที่คนอย่างอันนะมาสนิทกับ มิยูกิ ฮารุกะ และยุย
ได้แต่ทั้งสี่คนก็สนิทกันมาตั้งแต่มัธยมต้นจนมาถึงระดับชั้นปีสุดท้ายของมัธยม
ทั้งสี่คนได้อยู่ห้องเดียวกันเลยยิ่งทำให้กลายเป็นยิ่งสนิทกันมากยิ่งขึ้น
ด้วยภาพลักษณ์ของอันนะเลยทำให้สามคนที่เหลือไม่คิดที่จะพูดคำหยาบใส่ให้อีกคนระคายหู
“งั้นเดี๋ยวเจอกันนะอันนิน”
คนในโต๊ะโบกมือให้อันนะที่เดินขึ้นตึกเรียนไป
ก่อนหันมาจัดการธุระของตัวเองให้เสร็จเพราะนี่ก็ใกล้หมดเวลาพักแล้ว
มิยูกิรวบช้อนลงในจานก่อนควานหากระเป๋าสตางค์ในกางเกงพละเพื่อเก็บเงินให้
เป็นระเบียบ
เธอติดนิสัยชอบยัดเงินทอนที่ได้จากการซื้อของไว้ในกระเป๋าเสื้อ
แต่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ จึงก้มๆเงยๆให้ทั้งโต๊ะแปลกใจ
“เป็นอะไรหรอ มิยูกิ?”
“เหมือนกระเป๋าสตางค์ของฉันจะหาย สงสัยจะไปวางลืมไว้ที่ไหนแน่ๆ”
“แล้วเมื่อกี้มิยูกิเอาเงินที่ไหนซื้อข้าว?” ซายากะถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
เจ้าตัวก้มมองไปรอบบริเวณโต๊ะแต่ก็ไม่พบสิ่งที่คลับคลายคลับคลาว่าจะเป็นสิ่งที่อีกคนหาอยู่
“เงินมันอยู่ในกระเป๋าเสื้อฉันตั้งแต่เช้าหน่ะ”
“แกลองคิดดูดีๆ ว่าแกไปวางลืมที่ไหนหรือเปล่า”
“ห้องน้ำรึป่าวแก?”
“สงสัยฉันคงลืมไว้ที่โรงยิมมั้ง
งั้นเดี๋ยวแกกับยุยบอกอาจารย์ให้ทีนะว่าฉันอาจขึ้นห้องช้าหน่อย” ยุยรับปากว่าจะบอกอาจารย์ประจำวิชาคาบถัดไปให้ไม่ต้องห่วง เจ้าตัวหันมาถามซายากะที่ส่ายหน้าปฎิเสธว่าไม่เป็นไรให้ขึ้นไปเลยไม่ต้องรอ
เธออยากช่วยมิยูกิหากระเป๋ามากกว่า
“เดี๋ยวฉันช่วยหานะ”
“ฉันไม่อยากรบกวนซายาเน่หน่ะ ไม่เป็นไรหรอกฉันหาเองได้”
“ไม่ได้รบกวนอะไรเรื่องแค่นี้เอง”
“……..”
มิยูกิรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อคนที่เดินข้างกันฉวยมือเธอไปกุมอย่างถือวิสาสะ
เจ้าตัวกุมมือเธอแน่นก่อนจะวิ่งหนีแดดที่สาดส่องมาตามทางเดินของโรงเรียน “เร็วๆซิมิยูกิ
เดี๋ยวโดนแดดก็ดำกันพอดี”
“ไม่คิดว่าอย่างซายาเน่ก็กลัวแดดกับเค้าด้วยนะเนี่ย คิก~”
“ก็ฉันเป็นพวกดำง่ายนี่หน่า ไม่เหมือนมิยูกิหรอก”
“ถ้าขาวๆต้องแบบยัยพารุนู่น”
“นั่นซิเนอะ”
เขาว่ากันว่าเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ
ตอนนี้เธอทั้งคู่มาหยุดอยู่หน้าโรงยิม อยากจะยืดเวลาให้นานกว่านี้ซักหน่อย
มันไม่บ่อยนักที่เธอกับซายากะจะได้คุยกันตามลำพังแบบนี้ “เขาไปหาพร้อมกันนี่แหละ
จะได้เจอไวๆ”
“เจอไหม?”
“ไม่เจอเลย ของในกระเป๋าถ้าหายไปนี่แย่เลยทำไงดี”
ซายากะหันไปปลอบคนที่ทำหน้าตาจะร้องไห้อยู่รอมร่อ “ค่อยๆคิดซิมิยูกิ”
“ลองดูที่ล็อกเกอร์รึยัง?”
คนผมสั้นเดินนำเธอเข้าไปในด้านข้างโรงยิม ก่อนไปหยุดตรงล็อกเกอร์ที่ใช้เก็บสัมภาระของนักเรียนที่เข้ามาใช้โรงยิม
สาวตายิ้มล้วงหยิบกุญแจที่เธอบังเอิญเสียบค้างเอาไว้ “นี่มิยูกิเสียบกุญแจทิ้งไว้ทั้งแบบนี้หรอ!”
ซายากะเอ็ดเธอเสียงดัง ให้เธอเอามือปิดปากอีกคนแทบไม่ทัน “แค่ลืมทิ้งไว้เองทำไมต้องเสียงดังด้วยเล่า”
“อ้ะ เจอแล้วอยู่นี่เอง ขอบใจมากนะที่ช่วยหา”
เปิดตู้ล็อคเกอร์ พลางยิ้มแป้นโชว์กระเป๋าสตางค์สีดำให้อีกคนดูเป็นเครื่องยืนยันว่าเจอสิ่งที่หาแล้วจริงๆนะ
พร้อมกันดึงแขนคนที่ยืนอยู่ข้างตัวให้รีบออกไปจากโรงยิม
เพราะนี่เลยเวลาเข้าเรียนมานานพอสมควรอีกอย่างเธอก็ไม่อยากอยู่กับอีกคนสองต่อสองนานๆด้วย
ถึงเธอจะแอบรู้สึกดีก็เถอะนะ
“มิยูกิ ฉันถามอะไรหน่อยซิ”
“อะไรหรอ”
“ถ้ามีแฟนอยู่แล้ว แต่มิยูกิเองเกิดไปรู้สึกดีกับคนอื่น เธอจะทำยังไง?”
“พะ..พูดอะไรแปลกๆมีอะไรหรือเปล่า?”
เห็นซายากะเม้มปากเหมือนช่างใจที่จะพูดอะไรออกมา เจ้าตัวเดินเข้ามาใกล้พร้อมกับจ้องหน้าเธอให้เธอรู้สึกใจเต้น
อีกคนกระซิบเบาๆที่ข้างหูก่อนจะเดินนำหน้าเธอออกไปจากโรงยิม
“ไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่เรื่องสมมติ…………..”
อย่างงั้นหรอ?