01
“ฉันคิดว่าเราสองคนเลิกกันเถอะ”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ซายากะจัง~”
“………….”
“………….”
“ซายากะจัง~”
เสียงอ้อน
รอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ดังขึ้นจากสาวหน้าสวยที่ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาขนาด
ใหญ่คล้ายจะเรียกร้องความสนใจจากสาวผมสั้นที่กำลังง่วนอยู่กับแป้นพิมพ์
โทรศัพท์ให้เจ้าตัวเปรยตามองก่อนจะครางตอบรับในลำคอ
“หื้ม”
รู้สึกเหมือนโดนละเลย มือเรียวเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ของอีกคนที่เจ้าตัวดูจะติดนักติดหนา
แต่ก็ยังไม่ได้ทันจะทำอะไรกับมันก็โดนสายตาดุๆของยามาโมโต้ ซายากะที่จ้องเขม็งมาทางเธอจัดการเข้าให้
“ฉันไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วยหรอกนะ
วาตานาเบะ มิยูกิ เอามือถือคืนมาแล้วนั่งดีๆ”
ทำหน้าบูดเป็นเด็กโดนขัดใจ
เธอส่งโทรศัพท์ให้อีกคนอย่างไม่มีทางเลือกมากนักก่อนจะนั่งลงข้างคนผมสั้น
อีกรอบ
เห็นอีกฝ่ายดูสนใจเจ้าเครื่องมือสื่อสารในมือก็อดจะเอ่ยถามอย่างงอนๆไม่ได้
“ว่ายังไง”
คนผมสั้นถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกเหนื่อยกับคำพูดอีกคนแต่ก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรนอกจากปล่อยให้สาวตายิ้มนั่งจมกับความคิดของตัวเอง
.
.
.
.
.
.
ด้วยตารางที่ค่อนข้างจะรัดตัวจึงทำให้เธอต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ
พอจะมีช่วงเวลาตอนนี้ที่ว่างอยู่บ้างซายากะจึงชวนแฟนสาวตายิ้มที่มีเวลาว่างตรงกันมานอนเล่นและดูหนังที่ห้องพัก
แม้จะอยากไปไหนมาไหนแบบคู่รักคู่อื่นบ้าง
แต่เธอก็ต้องยอมรับด้วยอาชีพของเธอจึงทำให้ไม่มีเวลาว่างได้อย่างคนอื่นเสียเท่าไหร่
“ซายากะนอกใจฉันหรอ”
หลับตาพิงพนักโซฟาพร้อมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
เธอรู้สึกปวดหัวกับคำถามของอีกคน
ทั้งที่เวลาจะเจอกันยังแทบไม่ค่อยมีแต่อีกฝ่ายกลับชวนเธอทะเลาะแบบนี้อีก
“ไม่ได้ชวนทะเลาะ แต่ฉันเห็นเธอดูมีความสุขที่ได้มีฉากจูบ”
“นี่ยังไม่นับที่เธอไม่ปฏิเสธตอนโดนจับให้เป็นคู่จิ้นกับตานั่นด้วย”
ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้งี่เง่าได้ถึงขนาดนี้นะ?
“มิยูกิ เธอก็รู้ว่าฉันเป็นใครใช่ไหม รู้รึป่าวว่าฉันเหนื่อยแค่ไหน?!”
“…………….”
เผลอขึ้นเสียงใส่มิยูกิที่นั่งก้มหน้างุดอย่างไม่ชอบใจ
ความอดทนของคนเรามีขีดจำกันทั้งที่เธอพยายามอดทนมาตลอด แต่คราวนี้มันมากเกินไป วาตานาเบะ
มิยูกิงี่เง่ามากเกินไป
“…………………”
“ฉันก็แค่ แค่อยากมีเดทที่ธรรมดาอย่างคนอื่นเข้าบ้าง!!”
ปาดน้ำตาพร้อมตะโกนด้วยความน้อยใจใส่สาวผมสั้นที่ทำหน้าเบื่อเธออย่างไม่ปิดบัง
เธอแค่รู้สึกว่าอีกฝ่ายเปลี่ยนไป ยามาโมโต้ ซายากะไม่แคร์เธอเหมือนอย่างที่เคย
“ถ้าต้องการแบบนั้น งั้นทำไมไม่ไปคบกันคนธรรมดาซะเลยละ!!”
เห็นอีกคนร้องไห้จนสะอื้นตัวโยนเพราะคำพูดของตัวเองก็รู้สึกปวดใจอยู่ไม่น้อย เธออยากจะเข้าไปกอดปลอบและขอโทษอีกฝ่ายแต่ปากเจ้ากรรมดันไม่พูดออกไปตามที่รู้สึก
“ฉ...ฉันขอโทษ”
เอ่ยคำขอโทษอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา มิยูกิกวาดข้าวของใส่กระเป๋าสะพายใบที่สาวผมสั้นเคยซื้อให้เธอตอนคบกันแรกๆ
ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องพักของอีกฝ่ายโดยไม่รอให้ซายากะรั้งเธอไว้ เธอเจ็บปวดเกินกว่าจะทนอยู่ให้อีกฝ่ายพูดจาทำร้ายจิตใจใส่
เขวี้ยงข้าวของในห้องด้วยความโมโหตัวเอง ปกติเธอไม่ใช่คนใจร้ายที่จะพูดอะไรไม่แคร์ความรู้สึกของแฟนสาวแบบนี้ แม้อีกฝ่ายจะดูงี่เง่าเอาแต่ใจไปซักหน่อย แต่การได้เห็นน้ำตามิยูกิวันนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่กับตัวเองมาก ถ้าเธอใจเย็นกว่านี้อีกซักหน่อยเรื่องราวแบบนี้ก็คงจะไม่เกิด
ขอโทษนะมิยูกิ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
วันนี้เป็นอีกวันที่ตารางงานรัดตัวจนเธอแทบไม่มีเวลาพัก การเป็นดารามือใหม่ทำให้เธอไม่อยากเลือกงานเท่าไหร่นัก มีงานอะไรเธอก็อยากจะรับหมดเพื่อเป็นที่รู้จักในวงกว้างให้ได้เร็วที่สุดแต่ก็ต้องแลกกับการเวลาว่าง อย่างวันนี้ที่เธอเพิ่งเคลียร์งานที่เริ่มมาแต่เช้าจนเพิ่งมาเสร็จตอนสามทุ่มกว่า
เปิดมือถือขึ้นมาเช็คปกติซายากะเป็นคนไม่ชอบเปิดมือถือตอนทำงานเสียเท่าไหร่ เธอเป็นพวกที่ไม่ชอบให้มีอะไรมารบกวนระหว่างการทำงาน อุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นสายที่ไม่ได้รับนับร้อยพร้อมข้อความจำนวนมากจากแฟนสาวเด้งขึ้นมา ก่อนหันไปสั่งคนขับรถให้ขับรถไปยังที่พักมิยูกิด้วยความร้อนใจนึกอะไรขึ้นมาได้
เธอลืมวันครบรอบสองปีของเธอกับมิยูกิเสียสนิท
“โอ้ย ลิฟต์มาเสียอะไรตอนนี้”
“………….”
“เข้ามาก่อนซิ ซายากะจัง”
“มิยูกิเรื่องวันนี้ ฉันขอโทษนะพอดีงานฉันยุ่งมากจริงๆ......”
“ไม่ต้องขอโทษหรอก ไม่ใช่ความผิดซายากะซะหน่อย”
“อย่างงั้นหรอ”
“ซายากะ”
“หื้ม”
“มะ หมายความว่ายังไง……..”
“ฉันไม่ได้โกรธเรื่องวันนี้ ฉันเข้าใจซายากะ”
“ฉันเป็นคนเห็นแก่ตัวอย่างที่ซายากะเคยพูดไว้จริงๆแหละนะ”
หัวเราะด้วยความขมขื่น มิยูกิพยายามกระพริบตาเพื่อไล่หยดน้ำสีใสที่กำลังไหล
เธอต้องไม่ร้องไห้ เธอต้องไม่ทำให้อีกฝ่ายเสียใจ
“ไม่ใช่.......ไม่ใช่แบบนั้นเลย”
“ฉันมักจะขอให้ซายากะพาฉันไปเดทและจับมือกันแบบคู่รักคู่อื่นเค้าบ้างทั้งที่ฉันก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันมักขอให้ซายากะพาฉันไปดูหนังทั้งที่ฉันก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ฉันขอให้ซายากะพาฉันไปกินข้าวทั้งที่มันก็เป็นไปไม่ได้อีก ฉันมันจะขอ ขอในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้มาโดยตลอด”
กลั้นสะอื้นอย่างเจ็บปวด วาตานาเบะ
มิยูกิกำลังเสียใจและเธอก็รู้ว่ายามาโมโต้
ซายากะรู้สึกไม่ต่างกันคนผมสัั้นโถมตัวเข้าใส่มิยูกิจากด้านหลัง
กลั้นสะอื้นอย่างไม่อายอย่างคนขาดใจ
ทั้งที่อยากจะหันไปกอดปลอบแต่มิยูกิทำได้แค่พยายามใจแข็ง
มือเรียวดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดก่อนดันตัวอีกคนเบาๆ
ต่างฝ่ายต่างเสียใจ แต่ที่เธอทำก็เพื่อซายากะทั้งนั้น
“ฉันเห็นแก่ตัวที่ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของซายากะเลยซักนิด
ฉันเอาแต่เรียกร้องทุกสิ่งทุกอย่างจากซายากะ แต่ต่อไปนี้ฉันจะไม่ทำแบบนั้นแล้วหล่ะ
ฉันไม่อยากเป็นคนทำลายความฝันของซายากะอีกแล้ว”
ได้โปรด
.
.
“มะ ไม่เอา…..”
“มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราทั้งคู่
เราต่างทำร้ายกันและกันมามากพอแล้ว แล้วฉันก็ไม่อยากทำร้ายซายากะอีกแล้ว
ไม่อยากแล้วจริงๆ…”
ขอร้อง
.
.
“ฉันรักซายากะนะ
รักมาโดยตลอด”
เอ่ยความรู้สึกให้อีกฝ่ายฟังเป็นครั้งสุดท้าย
เห็นซายากะร้องไห้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนความเข้มแข็งที่เธอพยายามสร้างมาก็พังทลายลง
มิยูกิเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้อีกคนก่อนค่อยๆจรดริมฝีปากลงบนตำแหน่งเดียวกันกับอีกคน
ไม่คิดว่าการจากลาทั้งที่ยังรักมันทำให้เธอเจ็บปวดขนาดนี้และคิดว่าซายากะคงไม่ต่างกัน
รสจูบ ความอ่อนโยน เสียงหัวเราะ สัมผัสจากมิยูกิ
แค่คิดว่าต่อไปเธอจะไม่มีโอกาสได้รับมันอีก เธอก็แทบจะทนไม่ไหว
ที่คิดเอาไว้ว่าเป็นคนเข้มแข็ง แต่ไม่ใช่เลย เธอกำลังอ่อนแอ ถึงคราวที่คนเข้มแข็งอย่างซายากะต้องเสียน้ำตา
“โชคดีนะ”
“อย่า…ฮึก.…”
อย่าทิ้งฉันไป
.
.
ที่รัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น